Saturday, January 8

Nan Eng


มารดาบิดาก็ดี หรือต้องสุมบาตรต้องทำจีวรก็ดี ขอท่านผู้นั้นจงตัดกังวล
นั้น ทำกิจที่ควรทำนั้นเสีย. ก็แลกล่าวอย่างนี้แล้ว พระเถระแวดล้อมไป
ด้วยบริษัทของตนประมาณ ๕๐๐ รูป ไปยังกรุงราชคฤห์. แม้พระเถระ
ผู้ใหญ่องค์อื่น ๆ ก็พาบริวารของตน ๆ ไป ต่างก็ประสงค์จะปลอบโยน
มหาชนผู้เปี่ยมไปด้วยเศร้าโศก จึงไปยังทิศทางนั้น ๆ. ฝ่ายพระปุณณเถระ
มีภิกษุเป็นบริวารประมาณ ๗๐๐ รูป ได้อยู่ในเมืองกุสินารานั่งนั่นเองเอง ด้วย
ประสงค์ว่าจะปลอบโยนมหาชนที่พากันมายังที่ปรินิพพานของพระตถาคต.
ฝ่ายท่านพระอานนท์เอง ท่านก็ถือบาตรและจีวรของพระผู้มีพระ
ภาคเจ้า
แม้เสด็จปรินิพพานแล้ว เหมือนเมื่อยังไม่เสด็จปรินิพพาน เดิน
ทางไปยังกรุงสาวัตถีพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป. แลเมื่อท่านพระ
อานนท์
นั้นกำลังเดินทาง ก็มีภิกษุผู้เป็นบริวารมากขึ้น ๆ จนนับไม่ได้.
ในสถานที่ที่พระอานนท์เดินทางไป ได้มีเสียงร่ำไห้กันอึงมี่. เมื่อพระเถระ
ถึงกรุงสาวัตถีแล้ว ผู้คนชาวกรุงสาวัตถีได้ทราบว่า พระอานนท์มาแล้ว
ก็พากันถือของหอมและดอกไม้เป็นต้นไปต้อนรับ แล้วร้องไห้รำพันว่า
ข้าแต่พระอานนท์ผู้เจริญ เมื่อก่อนท่านมากับพระผู้มีพระภาคเจ้า วันนี้
ท่านทิ้งพระผู้มีพระภาคเจ้าไว้เสียที่ไหน จึงมาแต่ผู้เดียว ดังนี้เป็นต้น.
ได้มีการร้องไห้อย่างมากเหมือนในวันเสด็จปรินิพพานของพระผู้มีพระ
ภาคเจ้า
ฉะนั้น.
ได้ยินว่า ณ กรุงสาวัตถีนั้น ท่านพระอานนท์สั่งสอนมหาชนให้
เข้าใจด้วยธรรมีกถาประกอบด้วยความไม่เที่ยง เป็นต้น แล้วเข้าสู่พระ
วิหารเชตวัน
ไหว้พระคันธกุฎีที่พระทศพลประทับ เปิดประตูนำเตียงตั่ง
ออกปัด กวาดพระคันธกุฎี ทิ้งขยะดอกไม้แห้ง แล้วนำเตียงตั่งเข้าไปตั่งตั้ง

Insert Table

   🔠  ₁₄₁

No comments:

Blog Archive

Phra Ratana Kosin Sok Thi 236 —239