Monday, January 3

Ton


ข้างหนึ่ง มีลักษณะเหมือนลูกตาลสุกที่หล่นจากขั้ว มีลักษณะเหมือน
ทับทิมที่วางไว้บนผ้ากัมพลสีเหลือง มีลักษณะเหมือนดวงจันทร์เพ็ญที่ลอย
เด่นในท้องนภากาศอันปราศจากเมฆ และมีลักษณะเหมือนดอกปทุมมี
เกสรและกลีบแดงเรื่อกำลังแย้มด้วยต้องแสงอาทิตย์อ่อน ๆ คล้ายจะบอก
เรื่องที่คนที่ตนบรรลุพระอรหัตด้วยปากอันประเสริฐบริสุทธิ์ผุดผ่องมีรัศมีและมี
สิริ ได้ไปสู่ที่ประชุมสงฆ์. ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปะพอเห็นพระ
อานนท์
ดังนั้น ได้มีความรู้สึกว่า ท่านผู้เจริญ พระอานนท์บรรลุพระ
อรหัตแล้ว งามจริง ๆ ถ้าพระศาสดายังดำรงพระชนม์อยู่ พระองค์ก็จะ
พึงประทานสาธุการแก่พระอานนท์ในวันนี้แน่แท้ บัดนี้เราจะให้สาธุการ
ซึ่งพระศาสดาควรประทานแก่พระอานนท์นั้น ดังนี้แล้ว ได้ให้สาธุการ
๓ ครั้ง.
ส่วนพระมัชฌิมภาณกาจารย์กล่าวว่า พระอานนทเถระ ประสงค์
จะให้สงฆ์ทราบเรื่องที่ตนบรรลุพระอรหัต จึงมิได้ไปพร้อมกับภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุทั้งหลายเมื่อนั่งบนอาสนะที่ถึงแก่ตน ๆ ตามลำดับอาวุโส ก็นั่งเว้น
อาสนะของพระอานนทเถระไว้. บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุบางพวก
ถามว่า นั่นอาสนะของใคร ? ได้รับตอบว่า ของพระอานนท์. ภิกษุ
เหล่านั้นถามอีกว่า พระอานนท์ไปไหนเสียเล่า ? สมัยนั้น พระอานนท์-
เถระ
คิดว่า บัดนี้เป็นเวลาที่เราควรจะไป ต่อจากนั้น เมื่อจะแสดง
อานุภาพของตน ท่านจึงดำดินแล้วแสดงตนบนอาสนะของตนทีเดียว.
อาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า พระอานนท์ไปทางอากาศแล้ว นั่งบน
อาสนะของตน ดังนี้ก็มี. อย่างไรก็ตาม การที่ท่านพระมหากัสสปะเห็น
พระอานนท์แล้ว ให้สาธุการ เป็นการเหมาะสมโดยประการทั้งปวงทีเดียว.

Insert Table

   🔠  ₁₅₆

No comments:

Blog Archive

Phra Ratana Kosin Sok Thi 236 —239